ท่านมีอาการไอเรื้อรัง อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่หรือเปล่า ไอมีเลือดปนเสมหะ ไอเลือดสด หายใจมีเสียงดังผิดปกติ เจ็บและแน่นหน้าอก หากมีอาการเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลาสองสัปดาห์ขึ้นไปแล้วยังไม่ดีขึ้น ท่านจำเป็นจะต้องตื่นตัว เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปอดได้
มะเร็งปอดเป็นโรคมะเร็งที่พบได้มากและมีอัตราการเสียชีวิต อยู่ในอันดับต้นต้นๆ เซลล์ของมะเร็งปอดมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมลภาวะในสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มสูงขึ้น บวกกับกลุ่มผู้สูบบุหรี่ที่มีจำนวนมากขึ้น ผู้คนทั่วโลกต้องทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งปอดมากขึ้นเรื่อยๆ การใส่ใจกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หรืออาการไม่สบายเพียงเล็กน้อยถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ตรวจคัดกรองสุขภาพปอดอย่างสม่ำเสมอเพราะนี่ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสการป้องกันและโอกาสในการรักษามะเร็งปอดได้อย่างทันท่วงที
หากท่านต้องการทราบอาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับระยะเริ่มต้น โปรดติดต่อสอบถามทางเราทันที เราจะเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคมะเร็งตับเพื่อช่วยตอบข้อสงสัยให้กับท่าน
โรงพยาบาลมะเร็งRoyal Lee กวางโจวเตือนให้ท่านใส่ใจกับอาการของร่างกายดังต่อไปนี้:
1.อาการไอ: เนื่องจากขนาดและตำแหน่งของเนื้องอก ทำให้อาการไอที่แสดงออกมามีลักษณที่แตกต่างกันออกไป สามารถแสดงออกเป็นอาการไอแห้ง ไอร่วมกับหอบ ไอมีเสียงหวีด หรือไอแบบมีเสียงโลหะ ตามตำแหน่งในปอดที่พบมะเร็ง
2.ไอมีเลือดปนเสมหะหรือไอเลือดสด: ผู้ป่วยประมาณ 15% มีอาการไอเสมหะ ส่วนใหญ่จะมีเสมหะสีขาวในช่วงเริ่มต้น ซึ่งอาจจะไอเป็นเลือดในระยะต่อมา หรืออาจมีอาการไอเป็นระยะๆ เมื่อเนื้องอกแตกออก 25-40%ของผู้ป่วยมะเร็งปอดมีอาการไอเป็นเลือด หากท่านมีเสมหะบ่อยๆ ก็สามารถทำได้โดยการตรวจเสมหะ
3.อาการเจ็บหน้าอก: ในช่วงเริ่มแรกของอาการมีอาการเจ็บในช่วงอก เมื่อเนื้องอกบุกรุกผนังทรวงอก ก็จะทำให้อาการเจ็บหน้าอกรุนแรงขึ้น
4.หายใจมีเสียงหวีด: ถ้าท่านไม่ได้เป็นโรคหอบหืด แต่มีเสียงหืดเวลาหายใจ ให้ระวังอาจจะเป็นมะเร็งปอดได้
5.ไข้: เกิดการอุดกั้นการระบายของเสมหะในทางเดินหายใจ ทำให้เกิดปัญหาการอักเสบติดเชื้อตามมา เมื่อมีอาการไอและมีไข้ สามารถตรวจเอ็กซ์เรย์และตรวจหลอดลมได้
6.อาการบวมที่ศีรษะและใบหน้า: เช่น ผิวหนังช้ำ เวียนศีรษะ เวียนศีรษะ คัดจมูก ฯลฯ ซึ่งอาการจะรุนแรงขึ้นเมื่อนอนราบ นอกจากนี้แขนขาส่วนบน และมีอาการคอบวม เกิดขึ้นเนื่องจากหลอดเลือดดำถูกกดทับจากเซลล์มะเร็ง
7.ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้าบวม: ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้าโตจนสามารถมองเห็นได้ และอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ในระยะที่สาม
8.อาการกลืนลำบาก: มะเร็งปอดแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองเกิดการกดเบียดของ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขั้วปอดที่มีขนาดโตขึ้น ทำให้มีการอุดกั้นของหลอดอาหาร
เมื่อร่างกายของท่านมีอาการข้างต้น ท่านอาจจะไม่ได้เป็นมะเร็งปอดก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดควรจะไปโรงพยาบาลเพื่อรับการวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดโดยเร็วเพื่อลดความเสี่ยงของตัวท่านเอง หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอด การตรวจหาในระยะเริ่มต้นจะทำให้ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ สร้างให้มีการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ
จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก พบว่า 1 ใน 3 ของมะเร็งสามารถป้องกันได้ และ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยมะเร็งสามารถอยู่ได้นานขึ้นด้วยการรักษาเชิงรุก และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น "ผู้ป่วยมะเร็งที่ตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น มากกว่า 80% มีผลการรักษาเป็นที่น่าพึงพอใจ ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลมะเร็งRoyal Lee กวางโจว กล่าวว่า อย่างไรก็ตามผู้ป่วยจำนวนมากมักตรวจพบมะเร็งเมื่ออยู่ในระยะที่3หรือ4แล้ว เนื่องมาจากระยะเริ่มของมะเร็งปอดจะไม่แสดงอาการใดๆออกมาเลย หรืออาการที่แสดงออกมาวินิจฉัยด้วยตัวเองได้ยาก เพราะจะมีอาการเพียงแค่ไอ ไอมีเสมหะ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่ อาการเหล่านี้ถือว่าเป็นอาการปกติทั่วไปที่พบได้ในกลุ่มคนสูบบุหรี่ แต่เมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก ไอเป็นเลือด มีไข้เรื้อรัง เมื่อพบอาการเหล่านี้มะเร็งก็เข้าสู่ระยะที่3-4แล้ว ถึงจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลก็พลาดช่วงเวลาการรักษาที่ดีที่สุดไปเสียแล้ว
หากท่านมีคำถามใดๆเกี่ยวกับอาการของโรคมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น โปรดสอบถามผู้เชี่ยวชาญออนไลน์ได้ทันที ทางเราจะพยายามให้บริการตอบคำถามท่านอย่างเต็มที่
เมื่อผู้ป่วยเข้ารับการตรวจ นอกเหนือจากการสอบถามเกี่ยวกับอาการทั่วไปของผู้ป่วยและการตรวจขั้นพื้นฐาน แพทย์อาจต้องทำการตรวจที่ละเอียดมากขึ้น
1. การตรวจด้วยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์: การเอ็กซ์เรย์ปอดกระทำเมื่อมีอาการไอและเจ็บหน้าอกเรื้อรัง ในบางครั้งอาจมีการส่องกล้องตรวจหลอดลมควบคู่กันไปด้วย จากการเอ็กซ์เรย์ปอด เราจะทราบได้ว่าในปอดมีเนื้องอกหรือไม่ ขนาดและตำแหน่งของเนื้องอก และยังสามารถตรวจพบอาการถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดลม สามารถคาดคะเนได้ถึงอัตราของก๊าซออกซิเจนในถุงลมที่ซึมผ่านผนังถุงลม รวมทั้งการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในปอดได้
2. การส่องกล้องหลอดลม(Bronchoscopy): วิธีนี้สามารถสังเกตพยาธิสภาพของเยื่อบุหลอดลมได้โดยตรง
3. การตรวจทางเซลล์วิทยา: การตรวจเซลล์วิทยาจากเสมหะเป็นวิธีการที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยมะเร็งปอด ผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะปฐมภูมิส่วนใหญ่จะพบเซลล์มะเร็งที่ปะปนมาในเสมหะ
4. Thoracotomy การตรวจทรวงอก: (คือการตรวจโดยการผ่าตัดเปิดลงไปในช่องทรวงอก) ใช้วิธีนี้ก็ต่อเมื่อ ได้ตรวจผ่านทางวิธีอื่นๆและผ่านการรักษาในระยะเบื้องต้นแต่อาการไม่ดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของการเป็นโรคมะเร็งปอด การตรวจวิธีนี้ช่วยให้คนไข้ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้รวดเร็วขึ้น ไม่เสียโอกาสการรักษาในระยะปฐมภูมิ
5. การตรวจ ECT: เป็นเครื่องถ่ายภาพรังสีแกมมา ใช้หลักการเดียว กับเครื่อง CT scan ในการแสดงภาพตัดขวาง การเก็บข้อมูลโดยหัววัดจะเก็บข้อมูลในแต่ละมุมและหมุนรอบตัวผู้ป่วย ทำให้ภาพที่ได้มีการแสดงตำแหน่งความผิดปกติได้ถูกต้อง แม่นยำมากขึ้น
6. การส่องกล้องช่องกลางทรวงอก Mediastinoscopy: Mediastinoscopy ส่วนใหญ่ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังต่อมน้ำเหลืองในทรวงอก โดยมีข้อบ่งชี้ว่าต่อมน้ำเหลืองโตแต่ไม่สามารถใช้วิธีอื่นมาบ่งชี้ได้
อันที่จริงแล้วมะเร็งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการเสียเวลา อาการสำคัญต่างๆที่ถูกมองข้ามไป และการวินิจฉัยที่ผิดพลาด สิบกว่าปีมานี้การพัฒนาของนวัฒกรรมเทคนิคบาดแผลเล็กได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ความสำเร็จในการรักษาโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นเรื่อยๆ บวกกับการรักษาด้วยคีโมเฉพาะจุด การรักษาด้วยการฝังแร่ไอโอดีน ตลอดจนการรักษาร่วมระหว่างวิธีการรักษาเทคนิคบาดแผลเล็กและทีมแพทย์จากสาขาภาควิชามะเร็งต่างๆที่ เพื่อขจัดความทุกข์ที่คนไข้ได้รับจากเนื้อร้าย และคืนสุขภาพที่แข็งแรงให้แก่ผู้ป่วย
ตามสถิติของสมาคมมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา อัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งปอดในช่วงระยะเวลา 5 ปีมีดังต่อนี้ :
มะเร็งปอดระยะที่ 1, 77 - 92%
มะเร็งปอดระยะที่ 2, 53 – 68%
มะเร็งปอดระยะที่ 3, 13 – 36%
มะเร็งปอดระยะที่ 4, น้อยกว่า 10%
จะเห็นได้ว่า ระยะของโรคมะเร็งนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากกับโอกาสการรอดชีวิต ดังนั้น พบเร็ว ตรวจเร็ว วินิจฉัยเร็ว จึงเป็นปัจจัยสำคัญหลักของการรักษา เพียงแบ่งระยะของโรคมะเร็งได้อย่างชัดเจนแพทย์ผู้รักษาจึงจะสามารถกำหนดแผนการรักษาที่ดีที่สุดได้ เราสามารถแบ่งระยะโรคมะเร็งปอดได้อย่างไร
หากท่านอยากทราบแผนการรักษามะเร็งปอดในแต่ละระยะ โปรดติดต่อสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อท่านจะได้รับคำแนะนำในการรักษาอย่างถูกต้อง
การแบ่งระยะของมะเร็งแบบ TNM
การแบ่งระยะโรคแบบ TNM เป็นระบบในการพิจารณาว่ามะเร็งอยู่ในขั้นไหน หรือ Staging ที่มีการใช้วัดค่าและแบ่งระยะของมะเร็งมากที่สุด
T (Tumor) คือ, ขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็ง โดยใช้สัญลักษณ์ T1~T4 บ่งบอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของก้อนมะเร็ง
N หรือ Node (regional lymph Nodes) คือ ต่, ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้กับก้อนมะเร็ง โดยใช้สัญลักษณ์ N0~N2 บ่งบอกความรุนแรงของโรคจากน้อยไปหามาก
M หรือ Metastasis (Metastasis) คือ, การแพร่กระจายของโรคมะเร็งทางกระแสโลหิตไปยังอวัยวะอื่นๆ โดยใช้สัญลักษณ์ M0~M1 บ่งบอกว่ามีโรคมะเร็งแพร่กระจายแล้ว
ตามที่ได้มีการแบ่งระยะของมะเร็งตามระบบ TNM นั้น สามารถแบ่งระยะของมะร็งได้อย่างชัดเจนดังนี้ :
แนวทางการแบ่งระยะและแนวทางรักษาโรคมะเร็งปอด (แผนการรักษาที่กล่าวมานี้เป็นเพียงข้ออ้างอิงทางการรักษา ไม่สามารถนำมายึดเป็นแนงทางเดียวสำหรับการรักษาได้)
• มะเร็งปอดระยะ 0 : Tis(มะเร็งที่แหล่งกำเนิด)ระยะ N0(มะเร็งยังไม่มีลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง) ,ระยะ M0(มะเร็งยังไม่แพร่กระจาย)
แนวทางรักษาสำหรับมะเร็งปอดระยะ 0 :เทคนิคแบบ Photodynamic therapy (PDT)หรือการรักษาในห้องมืด,การรักษาด้วยการฝังแร่ไอโอดีน
• มะเร็งปอดระยะที่ 1 : ระยะ T1~T2 ,ระยะN0,ระยะM0 --ก้อนมะเร็งยังคงอยู่ภายในปอด
แนวทางรักษาสำหรับมะเร็งปอดระยะ Ⅰ:การผ่าตัด การรักษาด้วยคีโมเฉพาะจุด การรักษาด้วยมีดนาโนและรักษาด้วยการใช้ความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟ
• มะเร็งปอดระยะที่Ⅱ: ระยะ T1~T3 ,ระยะN0 – N1,ระยะM0 – มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด
แนวทางรักษาสำหรับมะเร็งปอดระยะⅡ:การรักษาด้วยคีโมเฉพาะจุด และรักษาด้วยการใช้ความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟ
• มะเร็งปอดระยะที่Ⅲ: เป็นระยะ T ใดก็ได้,เป็นระยะ N ใดก็ได้, ระยะ M0 – มีการแพร่กระจายไปยังเมดิแอสตินัมที่ต่อมน้ำเหลือง
แนวทางรักษาสำหรับมะเร็งปอดระยะⅢ:การรักษาด้วยคีโมเฉพาะจุด การฝังแร่ไอโอดีนและรักษาด้วยการใช้ความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟ
• มะเร็งปอดระยะที่Ⅳ:เป็นระยะ T ใดก็ได้,เป็นระยะ N ใดก็ได้,ระยะ M1 – มีการลุกลามไปทั่วอวัยวะต่างๆ เช่น กระดูกสันหลัง,สมอง,ตับและบริเวณผิวหนังเป็นต้น
แนวทางรักษาสำหรับมะเร็งปอดระยะⅣ:การรักษาด้วยคีโมเฉพาะจุด รักษาด้วยการใช้ความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟและการฝังแร่ไอโอดีน
•การกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งปอด:ส่วนใหญ่การกลับมาเป็นซ้ำของผู้ที่ป่วยด้วยมะเร็งปอดมักจะเริ่มที่ต่อมน้ำเหลือง,เยื่อหุ้มปอด,ไต,ตับ,กระดูกและสมอง
แนวทางรักษาสำหรับการกลับมาเป็นซ้ำ:การรักษาด้วยคีโมเฉพาะจุด รักษาด้วยการใช้ความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟและการฝังแร่ไอโอดีน
หากต้องการทราบว่าท่านเหมาะสมกับแผนการรักษาใด เรายินดีช่วยเหลือให้คำปรึกษา ทางออนไลน์โดยแพทย์ผู้ช่วยชาญหรือกรอกข้อมูลด้านล่าง ทางเราจะติดต่อกลับไปโดยเร็วที่สุด
ระยะต่างๆของมะเร็งปอด วิธีการรักษาก็จะแตกต่างกันออกไป โรงพยาบาลมะเร็งรอยัลลีกวางโจวมีทีมแพทย์สหสาขาสำหรับทำหน้าที่วินิจฉัยและทำการกำหนดแผนการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสทางการรักษาที่ดีขึ้น ลดการบาดเจ็บจากการรักษาแบบดั้งเดิม และลดความทรมานจากการทำเคมีบำบัด เพิ่มอายุขัยของผู้ป่วยให้ยืนยาวมากยิ่งขึ้น
รายงานผลพยาธิวิทยาโรคมะเร็งปอดคือส่วนสำคัญที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งใช้ในการวางแผนการรักษาและติดตามผล แต่ทว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ในรายงานผลพยาธิวิทยาโรคมะเร็ง มักจะใช้คำและภาษาที่ค่อนข้างเป็นวิชาการและศัพท์เฉพาะ จึงทำให้ผู้ป่วยและญาติยากต่อการทำความเข้าใจ เพื่อช่วยเหลือทุกท่านให้สามารถทำความเข้าใจกับคำศัพท์ทางวิชาการเหล่านั้น ทางเราจึงได้เรียบเรียงคำศัพท์และภาษาทางการแพทย์ไว้ประกอบในการศึกษาข้อมูล
หากท่านต้องการทราบรายละเอียดของผลการรายงานทางการแพทย์โรคมะเร็งปอดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามออนไลน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งพร้อมไขข้อข้องใจให้ทุกท่าน
1.มะเร็งเซลล์squamousและมะเร็งเซลล์ adenocarcinomaคือ?
มะเร็งเซลล์squamous เป็นมะเร็งชนิดหนึ่งของมะเร็งปอด เซลล์มีรูปร่างแบน (จึงถูกเรียกว่ามะเร็งเซลล์squamous) พบที่ถุงลมในปอด เซลล์บุผิวหลอดเลือด
มะเร็งเซลล์ adenocarcinoma เป็นมะเร็งที่เจริญมาจากเนื้อเยื่อต่อม (glandular tissue) ซึ่งเป็นเยื่อบุผิว เป็นต่อมไร้ท่อบริเวณปอด
2.มะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวเล็ก Small Cell Lung Cancerและมะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโต Non-Small Cell Lung Cancerคือ?
มะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวเล็กพบได้มากประมาณ 15% ของมะเร็งปอด ผู้ป่วยในระยะแรกมักจะพบว่ามีการแพร่กระจายของเชื้อไปยังต่อมน้ำเหลืองและในกระแสเลือด จากนั้นจะมีการแพร่กระจายไปยังสมองและกระดูก การเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อมะเร็งเป็นไปอย่างรวดเร็วและยากต่อการรักษา
มะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโตเป็นมะเร็งปอดชนิดที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวของหลอดลมในปอด สามารถแบ่งได้ 3 ชนิดพบได้มากประมาณ 85% ของมะเร็งปอดและง่ายต่อการรักษา
3.ความรุนแรงของมะเร็งปอดระยะwell-differentiated ระยะmoderately differentiatedและระยะ poorly differentiatedสามารถบอกถึงอะไรได้บ้าง?
ศัพท์ทางการแพทย์เหล่านี้เป็นคำที่แพทย์ใช้เรียกการเปลี่ยนแปลงและความรุนแรงของเซลล์มะเร็ง โดยแพทย์จะใช้เรียกลักษณะของเซลล์มะเร็งจากการตรวจชิ้นเนื้อด้วยกล้องจุลทัศน์ ซึ่งระยะwell-differentiatedนั้นจะมีการเจริญเติบโตช้าและง่ายต่อการรักษา ระยะ poorly differentiatedจะมีการบุกลุกของเชื้อมะเร็งที่สูงและยากต่อการรักษา ส่วนระยะmoderately differentiated การรักษาอยู่ในระดับปานกลางซึ่งผลการรักษาอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้
4.ระบบเลือดหรือระบบต่อมน้ำเหลือง การแทรกซึมของระบบหลอดเลือดคือ?
เนื้องอกสามารถมีการเจริญเติบโตและบุกรุกแทรกซึมเข้าไปในระบบหลอดเลือด(ระบบเลือดหรือระบบต่อมน้ำเหลือง) โดยแพทย์จะใช้เรียกลักษณะจากการตรวจด้วยกล้องจุลทัศน์ว่า ระบบเลือดหรือระบบต่อมน้ำเหลือง การแทรกซึมของระบบหลอดเลือด หากพบเซลล์มะเร็งภายในระบบเลือด นั้นหมายความว่าเซลล์มะเร็งมีอัตราการแพร่กระจายไปยังตับค่อนข้างสูงแต่อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
5.ในผลการรายงานการตรวจคำว่า” Immunohistochemistry” คืออะไร?
Immunohistochemistry หรือการย้อมสีชิ้นเนื้อหนึ่งในวิธีการตรวจสอบ ซึ่งจะพบได้บ่อยในผลการรายงานของแพทย์ การย้อมสีชิ้นเนื้อนั้นจะใช้ในการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาในการวินิจฉัยเนื้องอกและเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการรักษามะเร็งปอด นอกจากนี้ผลการย้อมสีชิ้นเนื้อยังช่วยแยกประเภทของมะเร็งปอดได้อีกด้วย แพทย์จึงใช้วิธีนี้ในการตรวจสอบวินิจฉัยโรค
หากท่านต้องการทราบรายละเอียดของรายงานผลพยาธิวิทยาโรคมะเร็งปอดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามออนไลน์, ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งพร้อมไขข้อข้องใจให้ทุกท่าน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคมะเร็งแห่งโรงพยาบาลมะเร็งรอยัลลีกวางโจว ชี้แจงว่า :ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงคำอธิบายผลตรวจทางพยาธิวิทยาของมะเร็งปอดส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อท่านมีผลตรวจที่เนื้อหาค่อนข้างละเอียดและซับซ้อน ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำปรึกษา จึงจะสามารถทำให้ผู้ป่วยนั้นได้รับคำแนะนำอย่างถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องของตัวผู้ป่วยเอง
ทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็งปอดนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้อร้ายเป็นหลัก บวกกับสุขภาพภายในของผู้ป่วยด้วย ที่โรงพยาบาลมะเร็งรอยัลลีกวางโจว เรามีทีมแพทย์สหสาขา ที่จะร่วมกันหารือเพื่อให้ได้แผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยมากที่สุด พวกเราจะพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงจากความทุกข์ทรมานจากการรักษาด้วยวิธีการฉายรังสีหรือการทำเคมีบำบัด เพื่อให้คนไข้ได้อยู่กับครอบครัวได้นานยิ่งขึ้น
วิธีการรักษามะเร็งปอดแบบดั้งเดิม
การผ่าตัด: แผลมีขนาดใหญ่ ผลข้างเคียงสูง การผ่าตัดด้วยการผ่าเปิดตัดเอาเนื้อเยื่อออกนั้นถือว่าเป็นวิธีดังเดิมของการรักษาบาดแผลที่เกิดตรงหน้าอกและหน้าท้องจะมีขนาดกว้างถึง 30-40 ซม. แม้แต่ซี่โครงทั้งสองซี่ก็ต้องถูกถอดออก เราจึงจำเป็นต้องทำให้ขนาดหน้าอกเปิดออกอย่างเต็มที่ ให้สามารถผ่าตัดได้สะดวกขึ้น วิธีการผ่าตัดนั้นมีความเสี่ยง และสร้างความบาดเจ็บต่อร่างกายสูง อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเกิดสภาวะแทรกซ้อนต่างๆ อีกด้วย มีผู้ป่วยมะเร็งปอดเสียชีวิตจากการผ่าตัดจำนวนมาก
เคมีบำบัด: การทำเคมีบำบัดสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งปอดได้ ทว่าผลข้างเคียงของการรักษาด้วยวิธีนี้ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง และมีผลข้างเคียงร้ายแรงอีก เช่น เกล็ดเม็ดเลือดขาวต่ำ ปัสสาวะบ่อย ผมร่วง อาเจียน เป็นต้น ในเวลาเดียวกันเป็นผลให้ร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งปอดอ่อนแอจนไม่สามารถต่อต้านเชื้อมะเร็งและเชื้อโรคอื่นๆ ได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ต่ำ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้อีกด้วย
นวัตกรรมการรักษาโรคมะเร็งปอด – เทคโนโลยีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง
รังสีร่วมรักษา:เป็นการทำให้เซลล์มะเร็งอดอาหารและตายลงในที่สุด ยางส่งตรงเข้าจุดรอยโรค ผลข้างเคียงน้อย ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยลดลง อาการบาดเจ็บต่ำ ผู้ป่วยฟื้นตัวได้อย่างรรวดเร็ว
การผ่าตัดรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ : ขนาดของแผลมีขนาดเพียง 3 มมเท่านั้นใช้เวลาน้อย โดยทั่วไป เนื้องอกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 ซม. สามารถทำการรักษาให้หายได้ภายใน 10 นาที มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงมาก อัตราการเกิดขึ้นซ้ำน้อย
การฝังแร่กัมมันตรังสี: การฝังแร่กัมมันตรังสีจะทำงานเฉพาะภายในเนื้อเยื่อมะเร็งที่ฝังตัวอยู่ในปอดเท่านั้น ลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อที่ปกติได้ สามารถทำต่อเนื่องได้นานถึง 180 วันซึ่งทำสร้างให้การปล่อยรังสีออกมาอย่างสม่ำเสมอ สามารถกำจัดมะเร็งได้อย่างแม่นยำ แผลเล็ก ผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนต่ำ
การแพทย์แผนจีนผสมผสานการแพทย์แนวตะวันตก: เพิ่มประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนน้อย ฟื้นตัวเร็ว เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ต้องการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ช่วยต่ออายุคนไข้
หากท่านต้องการทราบว่าการรักษาชนิดไหนเหมาะกับโรคใด สามารถติดต่อเราได้ทันที ทางเรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องงอกวิทยาสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการรักษาฟรี
ผู้เชี่ยวชาญมะเร็งจากโรงพยาบาลมะเร็งรอยัลลีกวางโจว เตือนว่า : การรักษามะเร็งปอดมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยนั้นๆ เพื่อสามารถควบคุมและโรครักษามะเร็งปอดได้อย่างมีประสิทธิผลมากที่สุด
มีข้อมูลแสดงว่า มะเร็งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 7 ล้านคนทั่วโลกต่อปี โดยมะเร็งปอดเป็นมะเร็งอับดับต้นๆที่พบได้มากที่สุด โรคมะเร็งปอดเป็นโรคมะเร็งที่มีอันตรายสูง และความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งนั้นมีขีดจำกัด คนส่วนมากเข้าใจแค่ว่าการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด ผู้ป่วยส่วนมากเป็นผู้ชาย นี่เป็นข้อมูลเพียงผิวเผินเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลมะเร็งรอยัลลีกวางโจวจะให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งปอด ทั้งเรื่องการป้องกัน การดูแล อาหารการกิน ฯลฯ เพื่อช่วยให้ทุกคนเข้าใจและห่างไกลจากมะเร็งปอดได้มากขึ้น
80% ของโรคมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่
โรคมะเร็งปอดที่เกิดจากการสูบบุหรี่มีมากกว่า 80% หากคุณเป็นคนสูบบุหรี่มาตลอดชีวิต เรียกได้ว่าเป็นสิงห์นักสูบ โอกาสที่จะเกิดมะเร็งปอดมีเพียง 15% เท่านั้น ซึ่งมีเพียงแค่1คนจาก 6-7 คน ไม่ใช่แค่การสูบบุหรี่อย่างเดียวที่จะทำให้เกิดมะเร็งปอด อาทิเช่น มลพิษทางอากาศ ความกดดันในชีวิต ปัจจัยทางครอบครัวก็สามารถก่อให้เกิดการกระตุ้นเนื้อเยื่อมะเร็งให้เกิดขึ้นได้
จะทำอย่างไรหากพบว่าผู้ป่วยเกิดอาการกลัว และวิตกกังวล?
หลังจากที่ผู้ป่วยมะเร็งปอดหรือสมาชิกในครอบครัวหลายคนว่ารู้แล้วว่าตนเองป่วย อันดับแรกพวกเขาจะเกิดความหวาดกลัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ถึงจะกลัวไปก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ บางทีอาจเป็นการเพิ่มอันตรายขึ้นด้วย
ในทางจิตวิทยา ประการแรกควรจะให้คำอธิบายให้ผู้ป่วยควรเลิกอาการหวาดกลัวโรคมะเร็งเสียก่อน ต้องเพชิญหน้ากับโรคร้าย สำหรับคนในครอบครัวแล้วนั้น ไม่ควรทีจะปิดบังอาการของผู้ป่วยต่อผู้ป่วย นอกจากนี้สำหรับครอบครัวของผู้ป่วย ต้องพยายามช่วยเหลือและคอยสนับสนุนผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องบอกอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียดแก่ผู้ป่วย เพียงต้องบอกเขาว่าเขาเป็นโรคอะไร จะรักษาอย่างไรต่อ และพร้อมต่อสู่กับโรคนี้ไปพร้อมๆ กับเขา แต่ผู้ป่วยหลายคนก็ยากที่จะให้ความร่วมมือในการรักษา ซึ่งส่งผลทำให้การรักษาเป็นไปอย่างล่าช้าอีกด้วย
“3 สิ่งสำคัญของการรักษาและ 7 สิ่งสำคัญในการดูแล” การดูแลทั่วไปมีความสำคัญมาหรือไม่?
การรักษามะเร็งปอดไม่ใช่แค่เทคนิคการรักษาเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการดูแลร่างกาย จิตใจ และการบริบาลทั่วไป เช่น การดูแลบ้าน หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาแล้ว การดูแลหลังการรักษามีบทบาทสำคัญมากอีกด้วย หลังจากการรักษามะเร็งปอด ผู้ป่วยจะมีสภาวะร่างกายที่อ่อนแอลง ภูมิต้านทานต่ำ หากดูแลร่างกายไม่ดี จะทำให้แผลของผู้ป่วยติดเชื้อได้ อาจทำให้เกิดสภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ นอกจากนี้การดูแลทางด้านจิตใจก็สำคัญมากด้วยเช่นกัน กำลังใจจากคนในครอบครัวก็สำคัญ การคิดบวก ความเชื่อที่จะต่อสู้กับโรคมะเร็งก็สำคัญไม่แพ้กัน
สุดท้ายนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลมะเร็งรอยัลลีกวางโจวได้เตือนทุกคนไว้ว่า :ควรตรวจร่างกายปีละครั้ง ผู้สูงอายุควรตรวจร่างกายทุกๆ 6 เดือน เพราะหากเจอโรคเราจะสามารถจัดการกับมันได้ทันท่วงที เราควรตรวจร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ เลี่ยงอาหารทอด ออกกำลังการเพื่อบริหารปอด ก็สามารถป้องกันมะเร็งได้เช่นกัน
จากข้อมูลสถิติที่กรมอนามัยโลกระบุ ในปี ค.ศ. 2020ประเทศไทยพบผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดถึง205,505 ราย เสียชีวิต 179,000 ราย ซึ่งตรวจพบเป็นอันดับ 2และเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 หากเป็นเช่นนั้นมะเร็งปอดสามารถรักษาได้ไหม? การรักษาด้วยการผ่าตัดแบบบาดแผลเล็กมีผลข้างเคียงน้อย บาดแผลเล็ก ผู้ป่วยฟื้นฟูเร็วสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการผ่าตัดและหลีกเลี่ยงความทรมานจากการให้ยาเคมีบำบัดแบบดั้งเดิม
หากท่านสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนของท่านได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอดโปรดติดต่อเราทันทีเราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งปอดมาประเมินอาการของท่านและให้คำแนะนำการรักษาโดยละเอียด
การแบ่งประเภทของมะเร็งปอด
มะเร็งปอดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ได้ดังนี้: มะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโต Non-Small Cell Lung Cancer (85%)และมะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวเล็ก Small Cell Lung Cancer(15%)มะเร็งปอดชนิดเซลล์ตัวโต แบ่งออกเป็น 3 ชนิดมะเร็ง คือ มะเร็งเซลล์squamous,มะเร็งเซลล์ adenocarcinoma และMast cell
อัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งปอดในช่วงระยะเวลา 5 ปีมีดังนี้ :
มะเร็งปอดระยะที่ 1, 77 - 92%
มะเร็งปอดระยะที่ 2, 53 – 68%
มะเร็งปอดระยะที่ 3, 13 – 36%
มะเร็งปอดระยะที่ 4, น้อยกว่า 10%
เทคนิคการรักษามะเร็งปอด
ความเจ็บปวดจากการรักษาแบบดั้งเดิม
• การผ่าตัด : บาดแผลมีขนาดใหญ่ ความเสี่ยงสูง
• การให้ยาเคมีบำบัด : ผลข้างเคียงมาก เช่น ผมร่วง อาเจียนเป็นต้น
เทคโนโลยีการรักษามะเร็งปอดแบบใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการรอดชีวิต
เทคนิคการผ่าตัดบาดแผลเล็ก : บาดแผลมีขนาด 2-3mm. ผลข้างเคียงต่ำ เจ็บปวดน้อย
เทคนิคคีโมเฉพาะจุด: บาดแผลมีขนาด 1 -2 mm. ใช้ยาต้านมะเร็งเข้าไปทำลายก้อนมะเร็งโดยตรง ความเข้มข้นของยาเคมีในปริมาณที่มากกว่าการให้ยาเคมีบำบัดทางสายน้ำเกลือสูงถึง 2-8เท่า ผลข้างเคียงต่ำ มีความแม่นยำในการทำลายเซลล์มะเร็ง
เทคนิคการฝั่งแร่ไอโอดีน :บาดแผลมีขนาดเล็กเพียงmm. แร่ไอโอดีนถูกฝังในก้อนมะเร็งโดยการแผ่รังสีเป็นเวลาต่อเนื่องถึง 180 วัน สามารถทำลายเนื้อเยื้อมะเร็งอย่างแม่นยำและผลข้างเคียงน้อย
เทคนิคการรักษาด้วยความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟ: บาดแผลมีขนาดเล็กเพียง 3mm. ประสิทธิภาพในการรักษามีสูง ระยะเวลาในการรักษาสั้น โดยปกติจะใช้เวลาอยู่ที่ 10 นาทีในก้อนมะเร็งขนาด 6CM. มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ อัตราการกลับมาเป็นซ้ำค่อนข้างต่ำ
หากต้องการทราบว่าท่านเหมาะสมกับวิธีการรักษามะเร็งเทคนิคใด โปรดติดต่อสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางออนไลน์ทันทีหรือ กรอกข้อมูลด้านล่าง ทางเราจะรีบให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตอบกลับท่านทันที